สนับแข้ง หรือ Shin pads ถูกคิดค้นขึ้นโดย แซม เวลเลอร์ วิดโดว์สัน อดีตดาวเตะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ตั้งแต่ปี 1874 เพื่อป้องกันกระดูกหน้าแข้งที่มีเพียงชั้นผิวหนังบาง ๆ ปกคลุมอยู่เท่านั้น

  ต่อมาสนับแข้งจึงค่อย ๆ ได้รับความนิยม และถูกกำหนดให้เป็นเครื่องป้องกันที่นักเตะต้องสวมลงสนามทุกครั้งโดย ฟีฟ่า ในปี 1990

  ทว่าตามกฎของ คณะกรรมการสมาคมฟุตบอลนานาชาติ (IFAB) ไม่ได้ระบุว่า สนับแข้งจะต้องมีขนาดเล็ก หรือ ใหญ่แค่ไหน โดยกำหนดเอาไว้แค่เพียงว่า จะต้องทำจากวัสดุที่เหมาะสม และมีขนาดที่สามารถจะปกป้องหน้าแข้งได้อย่างสมเหตุสมผล โดยต้องสวมถุงเท้าทับอีกชั้น

  ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เห็นนักเตะรุ่นใหม่สายเลือดศิลปินหลาย ๆ คนทำหัวหมอด้วยการสวมสนับแข้งขนาดจิ๋วลงสนาม โดยมี แจ็ค กรีลิช มิดฟิลด์น่องโตของ แมนเชสเตอร์ ซิตี เป็นผู้นำแฟชั่น หรือ ถ้ารุ่นใหม่กว่านั้นก็เป็น ไทเลอร์ ดิบลิง หัวหอกดาวรุ่งของ เซาแธมป์ตัน

  ขณะที่ ไมเคิล โอลิเซ เพลย์เมกเกอร์เลือดน้ำหอมของ บาเยิร์น มิวนิค ยอมรับว่า ไม่ชอบใส่สนับแข้งเอาเสียเลย และเคยถูกจับภาพได้ว่า แอบโยนสนับแข้งทิ้งก่อนลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก กับ เปแอสเช เมื่อเดือนพ.ย.ปีก่อน

  ส่วน โอลี แม็คเบอร์นี อดีตหัวหอก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก็เปิดเผยผ่านสื่อดังอย่าง ดิ แอธเลติก ว่า ตัวเขาก็ไม่ชอบใส่สนับแข้งเช่นกัน และไม่เคยใส่ระหว่างซ้อม โดยหยิบแค่แผ่นโฟมมายับเอาไว้ในถุงเท้าเพื่อทำให้รู้สึกสบายขึ้นเท่านั้น

  อย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้ต้องบอกว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” เพราะกฎเรื่องการสวมสนับแข้งถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของนักเตะ แต่ถ้านักเตะไม่ให้ความสำคัญ และเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในสนาม พวกเขาก็จะต้องก้มหน้ายอมรับผลที่ตามมาโดยไม่สามารถจะไปกล่าวโทษใครได้

  ย้อนกลับไปเมื่อเดือนส.ค.ปีก่อน เพนิสตัน เชิช สโมสรฟุตบอลเล็กๆในเมืองบาร์นสลีย์ สั่งห้ามไม่ให้นักเตะในสังกัดใช้สนับแข้งแบบมินิมอล หรือ สนับแข้งขนาดเล็กจิ๋ว หลัง อัลฟี แข้งดาวรุ่งวัย 15 ปี ถูกคู่แข่งอัดจนบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นกระดูกหน้าแข้ง และน่องหักสองท่อน หลังสวมสนับแข้งที่มีขนาดเพียง 3X9 ซม.ลงสนาม

  งานนี้ อัลฟี ซึ่งต้องพักรักษาตัวนานอีกหลายเดือน และยังไม่รู้ว่า จะสามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกหรือไม่นั้น ได้รับบทเรียนชีวิตครั้งสำคัญ และยอมรับว่า ความเท่จากการได้สวมสนับแข้งอันเล็กจิ๋ว และรูดถุงเท้าลงมาต่ำเกือบถึงตาตุ่มสไตล์ศิลปินลูกหนังยุค 80 มันไม่คุ้มค่าที่จะเอาอนาคตค้าแข้งของตัวเองมาเสี่ยงเลย

  กระนั้นยังมีนักเตะซูเปอร์สตาร์อีกหลายคนที่นิยมสวมสนับแข้งแบบฟูลไซส์ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียโน โรนัลโด, ลิโอเนล เมสซี หรือ ลูกา โมดริช และแต่ละคนก็ยืนระยะค้าแข้งได้อย่างยาวนานทั้งนั้น

   แน่นอนว่า การจะเลือกใส่สนับแข้งไซส์ไหนอย่างไรเป็นสิทธิส่วนบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันไม่ได้ผิดกติกาแต่อย่างใด ทว่าสิ่งที่นักฟุตบอล โดยเฉพาะนักเตะรุ่นใหม่ควรพิจารณาให้จงหนักก็คือ ความเท่ หรือ ความรู้สึกสบายหน้าแข้งเล็กๆน้อยๆ มันคุ้มค่ากับการเอาอนาคตในอาชีพการงานของตัวเองมาเสี่ยงหรือไม่.

แท ยอน