พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ผ่านไปแล้ว 11 เกม ถ้าเปรียบเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว ในช่วงเดียวกันนี้ เชื่อหรือไม่ว่า ในบรรดาท็อป 10 ของตาราง มีเพียง 3 ทีมเท่านั้น ที่มีแต้มมากกว่าฤดูกาลที่แล้ว

และทีมอันดับ 3 อย่าง เชลซี มีแต้มมากกว่าทีมอันดับ 11 อย่าง เบรนท์ฟอร์ด แค่ 3 คะแนน

คาดกันว่า พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ จะลุ้นกันสูสี และมีหลายทีมมีเอี่ยวในโควตาต่างๆ

ยิ่งถ้าหาก ลิเวอร์พูล ของ อาร์เนอ สลอต เกิดแผ่ว แล้วร่วงลงมาด้วย เราอาจได้เห็นปรากฏการณ์ และเรื่องราวใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

วันนี้ เราจะพาคุณไปดูกันชัดๆ ว่า ทีมใหญ่ทีมไหนบ้างที่ผลงานย่ำแย่ลง แย่ลงขนาดไหน และเป็นเพราะอะไร?

แมนเชสเตอร์ ซิตี (-4 คะแนน)
ตอนนี้ของฤดูกาลที่แล้ว แมนฯ ซิตี เก็บได้ถึง 27 คะแนน แต่ฤดูกาลนี้ พวกเขาทำได้ 23 คะแนน

ที่สำคัญคือแพ้มาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน

สาเหตุหลักมี 2 ประการ นั่นคือ วิกฤติผู้เล่นบาดเจ็บ และเกมโต้กลับที่ไม่เฉียบขาดเหมือนเดิม

การขาด โรดรี แรกๆ เหมือนจะไม่มีผล แต่มันก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่ามีผลมาก เพราะนี่คือนักเตะที่เก่งที่สุดของโลกในตำแหน่งของเขา

การขาดไปของมิดฟิลด์บัลลงดอร์ ทำให้ทีมเสียสมดุล ไม่มีคนคอยวิ่งขึ้น-ลงช่วยทีม และประคองสติ สถานการณ์ในเวลาเพลี่ยงพล้ำ

ก่อนเบรกทีมชาติ รอบเดือน พ.ย. ของปีที่แล้ว แมนฯ ซิตี ก็มีปัญหาเรื่องเกมรับ และเกมโต้กลับเช่นกัน ทำให้เสมอ 3 แพ้ 1 เกม ก่อนจะเบรกรอบสุดท้ายของปีก่อน

แต่หลังจากกลับมาจากเกมทีมชาติ แมนฯ ซิตี สามารถแก้ไขมันได้ และคว้าชัยชนะ 4 เกมรวด

อย่างไรก็ตาม เปป กวาร์ดิโอลา ยอมรับว่า ครั้งนี้ คงต่างจากปีที่แล้ว เพราะครั้งนี้ พวกเขามีปัญหานักเตะบาดเจ็บล้นทีม

ไม่นับ โรดรี แต่ เควิน เดอ บรอยน์, แจค กลีลิช, เจเรมี โดกู หรือกระทั่ง ไคล์ วอล์คเกอร์ ก็ไม่เคยอยู่ในจุดที่สมบูรณ์ที่สุดในฤดูกาลนี้

ทำให้คนอื่นๆ ทำอะไรไม่ได้มาก ฟิล โฟเดน ก็แค่วูบวาบ ไม่มีความเด็ดขาด และคงเส้นคงวา ส่วน อิลคาย กุนโดกัน กลับมาก็ไม่ใช่คนเดิม

เช่นเดียวกับ เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่พลังการพังประตูก็ลดความร้อมแรงลง

แมนฯ ซิตี จะกลับมาได้หรือไม่ เป็นคำถามที่น่าสนใจที่สุดในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้

ทอตแนม ฮอสเปอร์ (-10 คะแนน)
ฤดูกาลที่แล้ว ตอนนี้ สเปอร์ มี 26 คะแนน ส่วนตอนนี้ มีแค่ 16 คะแนน

อย่างไรก็ตาม มีอย่างหนึ่งที่แปลกมากสำหรับ สเปอร์ เพราะแม้ผลงานพวกเขาจะแย่ลง แต่สถิติต่างๆ ที่ออกมา ปรากฏว่า ดีขึ้นทุกอย่าง และติดระดับท็อปทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็น โอกาสยิง, ประตูที่ได้, การเปิดโอกาสให้คู่แข่งยิง, ประตูที่เสีย หรือโอกาสที่จะได้และเสียประตูก็ดีขึ้น

สาเหตุที่ผลงานไม่ดี วิเคราะห์กันว่า เป็นเพราะบรรดานักเตะตัวความหวังของทีมทำไม่ได้อย่างที่คาดหวัง

ตัวอย่างชัดเจนเลยก็คือ สเปอร์ ชนะทีมอย่าง วิลลา แต่กลับแพ้ พาเลซ และ อิปสวิช แถมยังแพ้ ไบรท์ตัน ทั้งที่นำก่อนถึง 2-0

มันสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีมาตรฐาน และหละหลวม เช่นเดียวกับพวกตัวหลักที่แบกทีมไม่ได้

เจมส์ แมดดิสัน ตั้งหน้าตั้งตาเล่นของตัวเองคนเดียว, ซน ฮึง มิน มีปัญหาเจ็บ ไม่ได้ลงสนามต่อเนื่อง

เบรนแนน จอห์นสัน ยืนรอยิงอย่างเดียว, คริสเตียน โรเมโร ผิดพลาด ทำเสียประตูครั้งแล้วครั้งเล่า

แม้แต่นักเตะที่ดีที่สุดของทีมในฤดูกาลนี้อย่าง เดยัน คูลูเซฟสกี ก็ไม่สามารถสร้างอิมแพ็คได้ทุกเกม

ถ้า แอนจ์ ปอสเตโคกลู ทำให้แข้งพวกนี้ขึ้นมาแบกทีมไม่ได้ และไม่สามารถเปลี่ยนฟอร์มการเล่นที่ดีให้เป็นคะแนนได้ โอกาสที่เขาจะไปก่อนจบฤดูกาลนั้น เป็นไปได้ไม่ยากเลย

อาร์เซนอล (-5 คะแนน)
ปืนใหญ่มี 24 คะแนน เมื่อปีก่อน แต่ตอนนี้มี 19 คะแนน ทำให้ตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ถึง 9 คะแนน โอกาสแชมป์ชักจะดูเลือนราง

ปัญหาที่ชัดเจนของอาร์เซนอลก็คือ การมีผู้เล่นโดนไล่ออก 3 จาก 11 เกม และนักเตะเจ็บ-แบนเยอะ

รวมถึงการทำแต้มหลุดมือ เมื่อขึ้นนำก่อน ซึ่งฤดูกาลนี้ ปืนใหญ่เสียไปแล้วถึง 8 คะแนน

การขาด มาร์ติน โอเดการ์ด ไประยะใหญ่ๆ มีผลต่อเกมรุกอย่างชัดเจน และทำให้เห็นว่า พวกเขาพึ่งพาความสามารถของผู้เล่นมากเกินไป ไม่มีใครมาแทนใครได้

ทำให้คนอื่นอย่าง บูกาโย ซากา, ไค ฮาแวร์ตซ์, กาเบรียล มาร์ติเนลลี, เลอันโดร ทรอสซา ฟอร์มตกลงไปด้วย

อีกอย่างที่แย่ลงคือเกมรับ ที่สลับกันผิดพลาด ไม่เหนียวแน่นเหมือนฤดูกาลที่แล้ว หลายครั้งที่เสียง่ายๆ จนเสียไปแล้วถึง 12 ประตู

ยิ่ง เบน ไวท์ มาเจ็บอีก ทำให้แผงหลังไม่นิ่ง ต้องปรับยกใหญ่อีกครั้ง ถือเป็นการบ้านใหญ่ของ มิเกล อาร์เตตา ที่ต้องแก้ให้ได้หลังกลับมาจากเบรกทีมชาติ

แมนฯ ยูไนเต็ด (-3 คะแนน)
เอาเข้าจริงแล้ว ฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ทำผลงานแย่กว่าฤดูกาลที่แล้วเท่าไหร่ และเก็บแต้มได้น้อยกว่าเดิมแค่ 3 คะแนน (18-15 คะแนน)

แต่การปลด เอริค เทน ฮาก นั้น น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะมีหลายเกมที่ผลงานของทีมแย่ชนิดรับไม่ได้ และถ้าไม่เปลี่ยน อาจจะแย่ลงกว่าเดิม

รุด ฟาน นิสเตลรอย ขนาดแค่คุมทีมชั่วคราว ยังพาทีมทำผลงานดีขึ้นได้ แสดงให้เห็นว่า อย่างน้อย แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่ใช่ทีมที่แย่ และเงินมหาศาลที่ทุ่มซื้อนักเตะไปก็พอจะมีค่าอยู่บ้าง

หลังจากนี้คือเวลาของ รูเบน อโมริม ที่จะเข้ามาชุบชีวิตใหม่ให้ทีม

แน่นอนว่า อโมริม คงจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง แต่ปัญหาหนึ่งในยุค เทน ฮาก ก็คือนักเตะเจ็บ

ถ้าหากเขาโชคดี ได้หลายคนทยอยกลับมา และลงหลักปักฐานให้ชัดเจนว่าจะเล่นระบบไหน แทคติกใด ไม่ปล่อยให้นักเตะสับสนเหมือนยุค เทน ฮาก บรรดาแข้งพันล้านของผีแดงก็น่าจะปรับตัวได้ไม่ยาก

ด้วยสถานการณ์ของหลายทีมที่แย่ลงอย่างที่กล่าวมา ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีโอกาสกลับมาได้เสมอ และพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ อะไรก็เป็นไปได้

ทั้งหมดอยู่ที่ว่า กลับมารอบนี้ แต่ละทีมจะไปแก้กันมายังไง และแก้มาดีแค่ไหน

เพราะมันคือโอกาสสุดท้ายแล้ว ที่จะได้คิด ได้ปรับอะไรกัน

หลังจากนี้ จะไม่มีเวลาได้ปรับอะไรกันอีกแล้ว เพราะโปรแกรมเตะบีบแน่นจนแทนไม่ได้หายใจ

พรีเมียร์ลีกของจริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้.